งานวิจัยโพรไบโอติก ด้านจุลินทรีย์ ดีต่อชีวิตอย่างไรกับ โดยรองศาสตรจารย์ ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ ที่ปรึกษาโครงการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ bioCRAFT by SAS
งานวิจัยโพรไบโอติก ด้านจุลินทรีย์ ดีต่อชีวิตอย่างไร ?
กว่า 2 ทศวรรษ มากกว่าครึ่งชีวิต ในทุกลมหายใจกับเรื่องราวของโพรไบโอติก โดยรองศาสตรจารย์ ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ ที่ปรึกษาโครงการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ bioCRAFT Human by SAS จะมาตอบคำถามให้ฟังไปพร้อม ๆ กัน
Q ทำไมถึงสนใจศึกษาโพรไบโอติก ?
A เราเคยศึกษาจุลินทรีย์ก่อโรค เช่น กลไกของเชื้อที่ก่อโรคในกระเพาะอาหาร การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์ แต่คิดว่าการมุ่งเน้นในสิ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงเริ่มสนใจจุลินทรีย์ตัวดี ซี่งในตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคนศึกษา เราเห็นว่าในอนาคตมนุษย์อาจไม่อยากพึ่งยาปฏิชีวนะ หรือสารต้านจุลชีพ แต่จะมองหาสิ่งที่เป็นมิตรกับร่างกายแทน โพรไบโอติกจึงน่าสนใจ เพราะเป็นจุลินทรีย์ธรรมชาติในร่างกาย และไม่มีผลข้างเคียง
Q อาจารย์เริ่มศึกษาโพรไบโอติกอย่างไร ?
A ตอนแรกเริ่มจากศูนย์เลยค่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้อาหารเลี้ยงเชื้อชนิดใด หรือหาจุลินทรีย์จากแหล่งใด ต้องอ่านตำราศึกษาจากงานวิจัยทั่วโลก และค่อย ๆ เรียนรู้ทีละขั้นและยังไม่ค่อยมีผู้ศึกษา แม้จะเป็นเรื่องยากในช่วงแรกเพราะยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่ด้วยใจรักในงานวิจัย ทำให้เราสนุกับการแก้ปัญหา และอยากเรียนรู้
Q สิ่งใดที่ทำให้อาจารย์มุ่งมั่นในงานวิจัยด้านโพรไบโอติกนี้ตลอดมา ?
A อาจารย์ที่ปรึกษาท่างมองการณ์ไกลมาก ท่านพูดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ว่าโพรไบโอติกจะเป็นสิ่งที่มนุษย์นำมาใช้ทดแทนยาในอนาคต คำพูดของท่านกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญ และทุกวันนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าท่านพูดถูก
สิ่งที่ทำให้อยู่กับงานวิจัยนี้ได้คือใจรัก และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำค่ะ โพรไบโอติกไม่ได้เป็นแค่งานวิจัย แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
Q อาจารย์พัฒนาสายพันธุ์โพรไบโอติกของตัวเองใช่ไหม ?
A ใช่คะ เรามีสายพันธุ์โพรไบโอติกของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะถ้าไม่มีสายพันธุ์ของเราเองเหมือนต้องพึ่งพาที่อื่น เราจะศึกษาหรือพัฒนาได้ไม่เต็มที่ การคัดแยกสายพันธุ์ของเราเองจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ การคัดแยกสายพันธุ์ต้องอดทน เพราะใช้ทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ และแรงงานมหาศาล เราเริ่มจากการคัดแยกจุลินทรีย์จากเด็กแรกเกิดกว่า 300 ราย และจากอาหารหมักของไทยกว่า 100 ชนิด เมื่อคัดแยกได้แล้วต้องผ่านกระบวนการกรองอีกหลายขั้น จากหลักหมื่นสายพันธุ์เหลือเพียงหลักสิบสายพันธุ์ที่ดีที่สุด
Q สายพันธุ์ที่ได้มีความพิเศษอย่างไรบ้าง ?
A อันดับแรกเลยค่ะ คำว่า "สายพันธุ์ไทย" ก็บ่งบอกถึงความพิเศษแล้ว เพราะเราคัดแยกจากประชากร และอาหารในประเทศไทย ซึ่งจะเหมาะสมและคุ้นเคยมากที่สุดมีการพิสูจน์แล้วว่าสายพันธุ์เหล่านี้มีฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ลดไขมัน ลดการอักเสบ ลดอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เป็นต้น กระบวนการพิสูจน์ก็ครบถ้วนทั้งในหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง และกลุ่มประชากรคนไทยจริง ๆ เราภูมิใจกับสายพันธุ์โพรไบโอติกของเราเพราะเหมือนเลี้ยงลูกค่ะ เราเห็นพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้นดูการเติบโต ดูรูปร่างภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ลุ้นว่าเขาจะโตไหม จะมีคุณสมบัติที่ดีไหม จนกระทั้งได้สายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทุกกระบวนการสะท้อนถึงความทุ่มเทของทีมงานทั้งหมดค่ะ
Q โพรไบโอติกสายพันธุ์ต่างประเทศ กับสายพันธุ์ไทยต่างกันอย่างไร ?
A จริงอยู่ที่โพรไบโอติกจากต่างประเทศก็มีประโยชน์ แต่สายพันธุ์ไทยมีจุดเด่นตรงที่เราพิสูจน์และทดสอบในกลุ่มประชากรไทยโดยเฉพาะ สายพันธุ์ที่มาจากท้องถิ่นมีวิวัฒนาการร่วมกันมาย่อมเหมาะสมกับประชากรในพื้นที่มากกว่า
Q รางวัลที่สำคัญที่สุดคืออะไร ?
A รางวัลที่สำคัญที่สุดสำหรับอาจารย์หรือนักวิจัยคือ การที่สามารถผลิตลูกศิษย์ที่มีคุณภาพและมีศักยภาพนำความรู้ที่เรียนไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมและสมารถก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ นี่คือรางวัลที่สำคัญที่สุดในอาชีพของนักวิจัยและอาจารย์
Q อาจารย์มีคำแนะนำอะไรสำหรับผู้บริโภคเกี่ยวกับโพรไบโอติก และในฐานะผู้เชี่ยวชาญมีข้อคิดอะไรอยากฝากไว้ ?
A โพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ดีที่อยู่ในร่างกายเรามาตั้งแต่เกิดค่ะ ช่วยรักษาสมดุล โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสำคัญมากต่อสุขภาพโดยรวม การเติมโพรไบโอติกเป็นวิธีที่ปลอดภัยและช่วยเสริมการทำงานของร่างกายได้
ถ้าจุลินทรีย์ในร่างกายไม่สมดุล เช่น จุลินทรีย์ดีลดลง จุลินทรีย์ไม่ดีมีมากขึ้น จะเกิดการอักเสบและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ การเติมโพรไบโอติกจึงช่วยฟื้นฟูสมดุลตรงนี้และลดโอกาสการเกิดโรคที่มีสาเหตุจากการอักเสบค่ะ
การดูแลโพรไบโอติกในร่างกายทำได้ง่าย ๆ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ จุลินทรีย์โพรไบโอติกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพร่างกายที่เราควรให้ความใส่ใจค่ะ
Q เราสามารถรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกได้หรือไม่ ?
A ค่ะ เช่นในอาหารหมักดองจะมีจุลินทรีย์หลายชนิดผสมกัน ซึ่งอาจมีโพรไบโอติกไม่เพียงพอ หรืออาจมีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีเข้ามาด้วย การได้รับโพรไบโอติกในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะช่วยให้ได้รับโพรไบโอติกที่คัดเลือกแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดีและบริสุทธิ์ ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถคัดเลือกจุลินทรีย์ที่ดีออกมา และผลิตในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเติมโพรไบโอติกให้กับร่างกายได้ง่าย และมีความปลอดภัยเพราะเป็นสายพันธุ์บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งอื่นเจอปน