▌Food & Health
กินทุเรียนมากไป ปวดท้อง โปรไบโอติกช่วยได้
[/ux_text][/text_box][/ux_banner] [row style=”collapse” width=”full-width” h_align=”center” padding=”20px 0px 0px 0px”][col span=”3″ span__sm=”8″ align=”left”]author : ทีมวิชาการ SAS
[/col] [col span=”2″ span__sm=”4″ align=”center”][ux_text text_align=”left” text_align__sm=”left”]▌Feed & Farm
Date : 9 DEC 2021
เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ซึ่งถือว่าเป็นอีกปีที่ทั่วโลกและประเทศไทยยังเผชิญกับปัญหาโรคโควิด – 19 ต่อเนื่อง จากสภาวะโรคระบาดที่ยาวนานนี้ ส่งผลต่อเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนรวมทั้งอุตสาหกรรมสัตว์น้ำในบ้านเรา ทำให้ราคากุ้งขาวแวนนาไม ซึ่งถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลแก่ประเทศไทยมีราคาลดต่ำลง 30 – 50 บาท/กิโลกรัม อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี
ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและยังเกิดโรคระบาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้การเลี้ยงกุ้งมีความเสี่ยงสูง เกษตรกรประสบปัญหาขาดทุนในการเลี้ยง วันนี้ SAS มีข้อมูลข่าวสารเรื่อง “การซื้อ – ขายกุ้งในโครงการชริมพ์บอร์ด (Shrimp Board)” มาแชร์เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องเกษตรกร
ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (Shrimp Board) ได้ทำโครงการซื้อ – ขาย กุ้งในราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต (ราคาปากบ่อ) ที่ขนาดตั้งแต่ 30 – 100 ตัว/กิโลกรัม ซึ่งในที่ประชุมได้มีการสรุปต้นทุนค่าเฉลี่ยแต่ละขนาด (ดังตารางแสดงต้นทุนเฉลี่ยการผลิตกุ้งขาวแวนนาไม) และจะเริ่มทำการซื้อ – ขายภายใต้โครงการชริมพ์บอร์ด ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ถึง 15 เมษายน 2565
โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญคือ เกษตรกรต้องนำส่งกุ้งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์สารตกค้างและมีใบตรวจรับรองจากกรมประมงว่าปราศจากการปนเปื้อนของสารตกค้าง 3 ตัว ได้แก่ Nitrofurans, Fluoroquinolone และ Tetracycline ก่อนซื้อ – ขาย กุ้งอย่างน้อย 10 วันทำการ (หน่วยงานกรมประมงในพื้นที่จะเริ่มรับตัวอย่างในวันที่ 20 ตุลาคม 2564)
[/col][/row] [row][col span__sm=”12″ align=”center”][ux_image id=”9970″ image_size=”original”][ux_image id=”9971″ image_size=”original” width=”80″][ux_image id=”9973″ image_size=”original”][/col][/row] [row h_align=”center”][col span=”8″ span__sm=”12″]จากสรุปการซื้อ – ขายกุ้งในโครงการชริมพ์บอร์ด โดยผ่านการหารือร่วมกันของทั้งภาครัฐและเอกชนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในภาวะราคากุ้งตกต่ำและผู้ประกอบการห้องเย็น – แปรรูปในภาวะขาดแคลนกุ้งวัตถุดิบต้องนำเข้า ซึ่งจะผลักดันให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ถดถอยนี้ ในส่วนของเกษตรกรเองสามารถเตรียมความพร้อมในด้านคุณภาพของผลผลิตกุ้ง เพื่อให้ตรงตามเงื่อนไขการรับรองราคาภายใต้โครงการชริมพ์บอร์ดได้ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะก่อให้เกิดการตกค้างในเนื้อกุ้ง
SAS เล็งเห็นถึงความสำคัญและโอกาสของอุตสาหกรรมกุ้งไทย ที่จะสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพดี เนื้อหวาน สด ปราศจากสารตกค้างและปนเปื้อนของยาปฏิชีวนะเพื่อเพิ่มกำไรให้แก่เกษตรกรและพัฒนารูปแบบการเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยถึงมือผู้บริโภคซึ่งเปรียบเสมือนคนในครอบครัว จึงได้มีการสนับสนุนแนวทางการเลี้ยงกุ้งด้วยการเสริมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หรือ “โปรไบโอติก”
โดยเรามีทีมวิจัยและพัฒนาที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพสาขาจุลชีววิทยาทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกสำหรับสัตว์น้ำในชื่อ “Biotic Max Plus 2” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์คุณภาพดี มีความเข้มข้นสูงถึง 1010 CFU/kg จึงกระตุ้นให้เกิดการยึดเกาะของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ของกุ้ง เพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร ส่งผลให้มีการเจริญเติบโตที่ดี ช่วยลดการอักเสบของลำไส้และลดความรุนแรงของโรคในระบบทางเดินอาหาร สามารถใช้ได้ในทุกช่วงวัยของการเลี้ยงกุ้ง
[/col][/row] [row style=”small” h_align=”center”][col span__sm=”12″ span__md=”12″ align=”center”]