▌Food & Health
คาเฟอีนและโปรไบโอติกส์ ตัวช่วยสำคัญของระบบเผาผลาญ
[/text_box][/ux_banner] [row style=”collapse” width=”full-width” h_align=”center” padding=”20px 0px 0px 0px”][col span=”4″ span__sm=”8″ align=”left”]
author : SAS Team
[/col] [col span=”2″ span__sm=”4″ align=”center”][ux_text text_align=”left” text_align__sm=”left”]▌Food & Health
Date : 21 May 2021
เมตาบอลิซึม (Metabolism) หรืออัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย คือ กระบวนการที่ร่างกายนำเอาพลังงานจากอาหารที่ได้รับเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานส่งแก่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายเพื่อการทำงานที่เป็นปกติ เสมือนเตาเผาที่ส่งความร้อนไปทุกส่วนของร่างกายนั่นเอง
แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น วิถีการใช้ชีวิตที่ไม่มีคุณภาพ ล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราเมตาบอลิซึมทั้งนั้น นอกจากนี้ร่างกายของเรายังฉลาด มีการปรับอัตราเมตาบอลิซึมตามพลังงานที่เราได้รับเข้าไปเพื่อการอยู่รอดของร่างกาย ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่อดอาหารแล้วกลับมากินเหมือนเดิมจึงเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ นั่นก็เพราะร่างกายปรับอัตราเมตาบอลิซึมให้น้อยลงตามพลังงานที่ได้รับ และเมื่อเรากลับมากินเท่าเดิม แต่เมตาบอลิซึมเราลดลง จึงเป็นสาเหตุให้น้ำหนักขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
วันนี้ SAS จึงมาชวนคุยเรื่องเครื่องดื่มและโปรไบโอติกส์ที่มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึม รวมถึงผลข้างเคียงอีกด้วย
‘คาเฟอีน’ ตัวช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึมที่มาพร้อมผลข้างเคียง
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินกันมาแล้วว่าการดื่มชา กาแฟ (ที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือแต่งรสใดๆ) จะสามารถช่วยเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึมของร่างกายเราได้ ซึ่งพระเอกสำคัญของงานนี้ไม่ใช่กาแฟหรือชาเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘คาเฟอีน’ ในชา กาแฟต่างหาก
“คาเฟอีน คือสารสำคัญที่อยู่ในชา กาแฟที่มีส่วนกระตุ้นให้ระบบประสาทสั่งการเพื่อเผาผลาญไขมันในร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
อันที่จริง คาเฟอีนมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน และกระตุ้นให้เกิดการนำพลังงานมาใช้งาน (Energy Expenditure: EE) มากขึ้น ซึ่งการดื่มเป็นประจำจะทำให้เห็นผลดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้คาเฟอีนยังมีส่วนช่วยทำให้ความอยากอาหารลดลงเพื่อเป็นการลดน้ำหนักในทางอ้อมอีกด้วย
ในทางกลับกัน การได้รับปริมาณคาเฟอีนก็อาจเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ เช่น
- อาการใจสั่น
- รู้สึกกระวนกระวาย
- ปวดศีรษะ
- ก่อกวนการนอนหลับพักผ่อน ทำให้พักผ่อนได้ไม่เพียงพอและอ่อนเพลีย
- เมื่อคาเฟอีนหมดฤทธิ์ จะทำให้เรารู้สึกอ่อนล้ามากกว่าเดิม
เนื่องจากร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน การได้รับคาเฟอีนที่มากเกินไปของแต่ละคนจึงมีปริมาณไม่เท่ากัน แต่ปริมาณที่แนะนำสำหรับวัยผู้ใหญ่ที่มีร่างกายแข็งแรงจะอยู่ที่ไม่เกิน 4000 มิลลิกรัม/วัน (ประมาณ 4 แก้ว) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรให้เด็กได้รับคาเฟอีน หรือแม้แต่วัยรุ่นก็ต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์
โปรไบโอติกส์ ทางออกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการคาเฟอีน
เนื่องจากโปรไบโอติกส์ เป็นจุลินทรีย์ดีที่มีอยู่ในร่างกายของเรา มีหน้าที่เพื่อช่วยดูแลลำไส้ ระบบประสาท ซึ่งส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร รวมไปถึงระบบเผาผลาญพลังงานของเรา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ดื่มชา กาแฟ หรือกังวลกับผลที่จะตามมาจากการได้รับคาเฟอีน โดยในโปรไบโอติกส์จะเข้าไปช่วยดูแลสมดุลของจุลินทรีย์ดีและแบคทีเรียในร่างกายของเราเพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
ทั้งนี้ เด็กยังสามารถกินโปรไบโอติกส์ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งอาหารที่พบโปรไบโอติกส์นั้นจะเป็นอาหารประเภท หมัก ดอง เช่น โยเกิร์ต ผักดอง ถั่วเน่า และมิโสะ (เต้าหู้ญี่ปุ่น) นั่นเอง
สนับสนุนบทความดีๆ โดย blissly bioshot cocktail probiotics จำนวน 11 สายพันธุ์ ชนิดกรอกปาก
อ้างอิง
https://academic.oup.com/ajcn/article/79/1/40/4690067
https://link.springer.com/article/10.1007/s00394-019-01976-9
https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/caffeine/art-20045678
สั่งซื้อคลิก:
🍫 blissly Milky Pro รส ON THE CHOC: http://bit.ly/milkyprochoc
🍼 blissly Milky Pro รส REALITY IN WHITE: http://bit.ly/milkyprowhite
อ้างอิง
[/ux_text][/col][/row]