▌Feed&Farm
ลัมปี สกิน โรคอุบัติใหม่และวัคซีนที่ใช้ป้องกัน
[/text_box][/ux_banner] [row style=”collapse” width=”full-width” h_align=”center” padding=”20px 0px 0px 0px”][col span=”4″ span__sm=”8″ align=”left”]
author : SAS Team
[/col] [col span=”2″ span__sm=”4″ align=”center”][ux_text text_align=”left” text_align__sm=”left”]▌Feed&Farm
[/ux_text][/col] [col span=”2″ span__sm=”6″ align=”center”][ux_text text_align__sm=”left”]Date : 23 July 2021
“SAS หนึ่งในผู้นำที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากองค์ความรู้เทคโนโลยีชีวภาพสาขาจุลินทรีย์ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความมุ่งมั่นเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพถึงมือคุณด้วยใจรัก และสร้างประโยชน์คืนสู่สังคมไปพร้อมๆ กัน”
องค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) พบการระบาดของโรคลัมปี สกิน ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นในประเทศแถบแอฟริกา และได้มีการแพร่กระจายของโรคในภูมิภาคเอเชีย เช่น บังกลาเทศ อินเดีย จีน ไต้หวัน ภูฏาน และในประเทศไทยก็เช่นกันโดยปกติแล้วไทยเราจะมีการนำเข้าทั้ง โค กระบือ จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา บ้านเราจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะพบการระบาดของโรคลัมปี สกิน
[ux_image id=”8860″][ux_image id=”8863″]สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัส Lumpy skin disease virus (LSDV) หรือเชื้อไวรัสฝีดาษในตระกูล Capripoxvirus สัตว์ที่ติดเชื้อจะมีไข้สูง เบื่ออาหาร มีน้ำตาไหลตลอดเวลา และมีตุ่มน้ำเหลืองขนาดใหญ่ประมาณ 2 – 5 เซนติเมตร ขึ้นอยู่ทั่วทั้งร่างกาย แต่จะพบมากที่บริเวณคอ หัว เต้านม ถุงอัณฑะ และหว่างขา ตุ่มที่ขึ้นมาอาจแตก และตกสะเก็ดเป็นเนื้อตาย เคสนี้อาจจะทำให้หนอนหรือแมลงเข้ามาไชจนติดเชื้อได้
พาหะที่เป็นตัวนำเชื้อโรคนี้ไปติดต่อจากสัตว์สู่สัตว์ ได้แก่ เห็บ ยุง แมลงวัน การแก้ไขปัญหาของโรคนี้ ถ้ากรณีที่โคติดโรคแล้วทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น และวิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการทำวัคซีนเพื่อป้องกันโรคให้กับฝูง แต่วัคซีนที่จะทำให้แก่โคนั้นมีกี่ชนิด ความถี่ในการทำวัคซีน และข้อจำกัดต่างๆ เป็นสิ่งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน วันนี้ SAS จะชวนมาทำความรู้จักกับวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคลัมปี สกิน กัน
ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ได้มีการศึกษาและวิจัย โดยการเก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยขณะนี้มาผลิตวัคซีน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนระหว่างวิจัยและพัฒนาวัคซีน เพื่อประโยชน์และความมั่นคงของการเลี้ยงโคในประเทศไทย แต่มีวัคซีนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศในขณะนี้เช่นกัน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1. วัคซีนเชื้อตาย 2. วัคซีนเชื้อเป็น
[ux_image id=”8862″]ถาม: วัคซีนปัจจุบันในประเทศไทยเป็นชนิดใด
ตอบ: สำหรับวัคซีนที่นำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อควบคุมโรคลัมปี สกิน เป็นชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (live attenuated virus vaccine)
ถาม: ความถี่ในการทำวัคซีนเวลาเท่าไหร่
ตอบ: การทำวัคซีน แนะนำให้ทำทุกๆ 1 ปี หรืออาจต้องประเมินตามการระบาดในแต่ละพื้นที่อีกครั้ง และหลังจากการทำวัคซีน ภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ขึ้นภายใน 3 สัปดาห์
ถาม: แล้วโคช่วงไหนที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน
ตอบ: 1. สำหรับโคที่เพิ่งหายจากการป่วยด้วยโรคลัมปี สกิน นั้นยังไม่จำเป็นต้องทำ เนื่องจากสัตว์จะมีภูมิคุ้มกันอยู่ ซึ่งภูมิคุ้มกันจะอยู่ถึงประมาณ 5 เดือน
- ในฝูงที่มีทั้งโคที่ป่วย และไม่ป่วย ยังไม่ควรให้วัคซีน เนื่องจากในกรณีโคที่มีการได้รับเชื้อไวรัสแล้ว แต่ยังไม่แสดงอาการนั้น เมื่อได้รับวัคซีนเข้าไปจะทำให้โคแสดงอาการป่วยหลังจากฉีดได้ และอาจเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสด้วย
- กรณีลูกโค
– ลูกโคจากแม่ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ควรฉีดวัควีนที่อายุ 6 เดือน
– ลูกโคจากแม่ที่ไม่ผ่านการฉีดวัคซีน สามารถทำวัคซีนได้ทุกช่วงอายุ แต่ลูกโคต้องมีสุขภาพแข็งแรง
- วัคซีนควรฉีดในโคที่แข็งแรง และไม่อยู่ในฝูงที่มีสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้
ถาม: การจัดเก็บวัคซีนที่ถูกต้องและคงประสิทธิภาพได้ดีที่สุด
ตอบ: วัคซีนต้องเก็บในอุณหภูมิเย็น 2 – 8 องศาเซลเซียส ไม่เย็นไป หรือร้อนไป เพราะทำให้วัคซีนประสิทธิภาพเสื่อมลงได้
การเลี้ยงโคให้มีประสิทธิภาพการเจริญเติบโตตามเกณฑ์มาตรฐาน และผลตอบแทนที่เกษตรกรพึงพอใจนั้น นอกจากการจัดการเรื่องน้ำ อาหาร และสภาพแวดลล้อมโรงเรือนของโคแล้ว สิ่งที่เป็นอีกหัวใจหลักก็คือ การเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดีให้แก่สัตว์อย่างสม่ำเสมอ เกษตรกรผู้เลี้ยงควรเลือกใช้อาหารที่เหมาะสมกับอายุโคในแต่ละช่วง เลือกเสริมผลิตภัณฑ์วิตามิน แร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของโค และเสริมความแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกัน สมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายโค ด้วยผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์รวมที่มีประสิทธิภาพสูง
[ux_image id=”8861″ width=”49″]เสริมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (Probiotic) เพื่อสุขภาพและการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นของสัตว์ ด้วยผลิตภัณฑ์ Probiotic จาก SAS ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลินทรีย์ทั้งในคนและในสัตว์
[ux_text text_align=”center”]